มาทำความรู้จักกับ E-A-T ของ Google กันเถอะ!
E-A-T คืออะไร?
เอาล่ะ ก่อนอื่น เราต้องคุยกันเรื่อง E-A-T กันก่อน E-A-T ย่อมาจาก Expertise (ความเชี่ยวชาญ), Authoritativeness (ความน่าเชื่อถือ) และ Trustworthiness (ความไว้วางใจได้) ซึ่ง Google ใช้หลักการนี้เพื่อประเมินว่าเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ตนั้นดีพอหรือเปล่าสำหรับผู้ใช้งาน มันคือมาตรฐานที่ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลที่ถูกต้องและมีคุณภาพสูง
1. Expertise (ความเชี่ยวชาญ)
เมื่อคุณเปิดอ่านบทความเกี่ยวกับการลงทุนหรือการแพทย์ คุณอยากให้ผู้เขียนมีความรู้และประสบการณ์ในเรื่องนั้นใช่ไหม? นั่นแหละคือความสำคัญของความเชี่ยวชาญ! ผู้เขียนต้องเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องและถูกการตรวจสอบ เรียกได้ว่านี่คือเบสิกของ E-A-T เลยล่ะ
2. Authoritativeness (ความน่าเชื่อถือ)
ในยุคที่ข่าวสารล้นหลาม การเลือกอ่านข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือจึงสำคัญมาก จะมั่วนิยายหรือโปรไฟล์ตัวเองไม่ได้! สิ่งนี้หมายความว่าเว็บไซต์หรือผู้เขียนนั้นต้องมีชื่อเสียงหรือเกียรติยศในการพูดถึงเรื่องนั้น ๆ ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ชม
3. Trustworthiness (ความไว้วางใจได้)
ลองคิดดูสิ ถ้าเว็บไซต์ไหนมีข้อมูลที่เชื่อถือได้ มีกฎระเบียบชัดเจน และมีการแสดงรายละเอียดการติดต่อ เราก็ย่อมรู้สึกสบายใจในการอ่านข้อมูลจากที่นั่นมากกว่าที่อื่น ๆ ใช่ไหม? ความไว้วางใจจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ใช้กลับมาใช้บริการซ้ำ
เคล็ดลับในการปรับให้เข้ากับ E-A-T
- ใช้ข้อมูลที่มีแหล่งที่มา: เสนอข้อมูลที่มาจากงานวิจัยหรือการศึกษาที่มีชื่อเสียง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
- แสดงประสบการณ์ตัวเอง: ถ้าคุณมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง แบ่งปันมันให้คนอื่นรู้!
- ดูแลเว็บไซต์ให้ปลอดภัย: ใช้ HTTPS และมีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ชัดเจน
- ตอบสนองต่อความคิดเห็น: สร้างการสื่อสารกับผู้ใช้งาน เพื่อสร้างชุมชนที่มีความไว้วางใจ
สรุป
สมัยนี้ใคร ๆ ก็อยากได้ข้อมูลดี ๆ ที่ทั้งเชื่อถือได้และตรงประเด็น ด้วยการทำความเข้าใจ E-A-T และปรับปรุงให้ดีขึ้น คุณก็จะสามารถสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและได้รับความไว้วางใจจากผู้คนได้มากขึ้น ไม่ใช่แค่สนุก แต่ยังทำให้ได้ประโยชน์ในระยะยาวอีกด้วย! เล่นง่ายๆ แค่เริ่มต้นทำตามหลักการเหล่านี้ ก็จะช่วยให้เนื้อหาของเรากลายเป็นที่นิยมได้แล้วล่ะ!